บ้านถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงเป็นลำดับต้นๆของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นการทำธุรกรรมซื้อหรือขายบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญและมักทำให้เกิดความกังวลต่อผู้ซื้อบ้านและผู้ขายบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งราคา การทำสัญญา การลงประกาศ เนื่องจากบ้าน เป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้ซื้อขายกันบ่อยๆ (นอกจากทำอาชีพด้านนี้) จึงทำให้ “ทักษะในการซื้อขายบ้าน” ของคนส่วนใหญ่มีน้อย เมื่อเทียบกับทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือบ่อยกว่า ดังนั้นเพื่อให้เรามีความเข้าใจแนวทางในการวางแผนซื้อขายบ้านให้ได้ง่ายขึ้น เราจึงต้องมาทำความเข้าใจ พฤติกรรมของการซื้อขายบ้าน ของคนส่วนใหญ่กันก่อน

บ้านหลังที่ 1 เริ่มตั้งตัว

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่มักพบเสมอๆ (แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนจะมีพฤติกรรมแบบนี้ทุกคนครับ) คือ คนส่วนใหญ่จะเริ่มมองหาซื้อบ้านหลังแรกเมื่อเริ่มมีเงินเก็บจากการทำงานหลังจากเรียนจบ ซึ่งบ้าน( บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโด) หลักแรกนั้นมักจะมีมูลค่าไม่สูงนักคือต่ำกว่า 2 ล้านบาท เมื่อใช้ชีวิตไปได้สักระยะก็เริ่มมีแฟนอยากแต่งงานมีครอบครัว ก็เริ่มต้องมองหาที่อยู่ใหม่ บางคนก็ขายบ้านหลังแรกเพื่อไปซื้อบ้านหลังที่ 2 เพื่อสร้างครอบครัว บางคนก็เก็บไว้แล้วซื้อบ้านหลังที่ 2 เพิ่ม

บ้านหลังที่ 2 สร้างครอบครัว

หลังจากมีหน้าที่การงานที่เติบโตขึ้นประกอบกับต้องการสร้างครอบครัว คนส่วนใหญ่มักมองหาบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น อาจจะเป็น 2-3 ห้องนอนหรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพทางการเงินของแต่ละคน เพื่อรองรับสมาชิกในบ้านที่จะมาเพิ่มในอนาคต ซึ่งต่างจากบ้านหลังแรกที่มักจะอยู่เพียงลำพังคนเดียว

บ้านหลังที่ 3 สำหรับตากอากาศหรือลงทุน

หลังจากที่เริ่มสร้างครอบครัวแล้วฐานะการงานมั่นคงขึ้น บางท่าน (แต่ย้ำว่าไม่ใช่ทุกคน) อาจมองหาบ้านเพื่อพักผ่อนตากอากาศสำหรับครอบครัวหรืออาจมองหาบ้านเพื่อเป็นทรัพย์สินในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเช่า หรือ ซื้อเก็บเพื่อเก็งกำไร

“ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงชีวิตหนึ่งๆของคนส่วนใหญ่จะมีโอกาสขายบ้านประมาณ 2-3 ครั้งเท่านั้น ”

หากสังเกตดีๆจะพบว่า คนที่ขายบ้านบางส่วน จะเคยเป็นผู้ซื้อบ้านมาก่อน แต่เนื่องจาก เราไม่ได้ซื้อบ้านกันบ่อยๆ ทำให้บางครั้งเราลืมไปว่าตอนเราเป็น “คนซื้อบ้าน” นั้นเราพิจารณาปัจจัยใดบ้างก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะถ้าสังเกตและมองย้อนกลับไปตอนที่เราซื้อ เราจะหาข้อมูลอย่างละเอียดเพราะบ้านถือว่าเป็นทรัพย์สินมูลค่าสูงจึงต้องมีความรอบคอบในการหาข้อมูล แต่เมื่อถึงเวลาต้องเป็น “คนขายบ้าน” เรามักละเลยและไม่ให้ความสำคัญในการให้ข้อมูลกับคนที่จะมองหาซื้อบ้าน จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการขายบ้านไม่ได้หรือขายได้ช้า ที่สำคัญวัฒนธรรมส่วนใหญ่ของคนไทยคือไม่ต้องการเอาใจใคร ซึ่งหากเราเป็น “คนซื้อบ้าน” คนขายบ้านต้องพยายามโน้มนาวและเอาใจใส่ให้ข้อมูลเพื่อกระตุ้นให้เราตัดสินใจ แต่เมื่อเราเป็น “คนขายบ้าน” จะต้องเป็นฝ่ายให้ข้อมูลบ้าง หลายท่านก็ขาดทักษะการขาย การโน้มน้าว ก็ยิ่งจะทำให้การขายบ้านทำได้ลำบากมากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะไม่มีทักษะในด้านการขายมาก่อน แต่ถ้ารู้จักสังเกตทักษะดังกล่าว จากประสบการณ์ในการซื้อบ้านมาก่อนหน้านี้ ก็สามารถเรียนรู้ทักษะดังกล่าวได้เช่นกัน โดยต้องมาทบทวนกับตัวเองว่า “ปัจจัยใดที่ทำให้ก่อนหน้านี้เราตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้” 

คนขายให้ข้อมูลเก่ง ??

บ้านตัวอย่างหรือสภาพภายในบ้านดูสะอาดหน้าอยู่ ??

ใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก ??

สภาพแวดล้อมน่าอยู่ สาธารณูปโภคพร้อม ??

หากค้นพบคำตอบของคำถามเหล่านี้ ก็จะทำให้รู้เทคนิคขายบ้านให้ตรงใจผู้ซื้อและขายบ้านได้ง่ายขึ้น

(อ่านขายบ้านอย่างไรให้คนแย่งกันซื้อ ตอนจบ)

เรียบเรียงบทความ “ขายบ้านอย่างไรให้คนแย่งกันซื้อ ตอนที่ 1”

โดย ทีมงาน คลังบ้าน (www.klungbaan.com)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  

Line ID : @klungbaan