จริงๆหลายคนสงสัยแล้วพยายามหาคำตอบจากธนาคารว่า ธนาคารมีเงื่อนไขในการอนุมัติวงเงินกู้อย่างไรกันแน่

ทำไมบางคนกู้ผ่าน แต่บางคนกู้ไม่ผ่าน ???
บางธนาคารให้วงเงินกู้สูง บางธนาคารให้วงเงินกู้น้อย ???
บางธนาคารไม่ให้กู้เลยก็มี ???

ผมขอตอบแบบชาวบ้านง่ายๆว่าหลักเกฏณฑ์ในการให้กู้ ก็เหมือนการ “การขอยืมเงิน”

ซึ่งต้องพิจารณาศักยภาพจากทั้ง 2 ฝ่ายคือ “คนให้ยืมเงิน (ธนาคาร)” กับ “คนยืมเงิน (คนกู้ซื้อบ้าน)”

มาดูศักยภาพ “คนยืมเงิน” กันก่อนว่าทำยังไงให้มีโอกาสยืมเงินได้

ความหน้าเชื่อถือ ของคนขอยืมเงิน ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นหลัก แต่ถ้าคิด “ใจเขาใจเรา” ก็จะทราบว่าหากมีคนไม่รู้จักกันมาก่อน มาขอยืมเงิน คุณจะให้ยืมไหมล่ะ “ไม่แน่นอน” ทางแก้ก็คือ ทำให้คนให้ยืม “รู้จัก” เราไง โดยการแนะนำตัว แจ้งให้ทราบว่าเราเป็นใคร ทำงานอะไร
มีรายได้เท่าไหร่ หรือแม้แต่เหตุผลที่ยืมเงิน (เอาไปซื้อบ้าน)

หน้าที่การงานมั่นคง
ถ้ามีคน “ไม่มีงานทำ” อยู่ไปวันๆ มาขอยืมเงินคุณจะให้ยืมเงินไหม ???
หรือแม้แต่คนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ รายได้ก็ไม่แน่นอน คนให้ยืมก็ต้องกังวลว่า มีโอกาสโดนเบี้ยวหนี้สูง จึงเป็นที่มาว่าธนาคาร ชอบคนที่มีประวัติการทำงานประจำนานๆ รายได้มั่นคง ถึงงมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ดีกว่าคนทำอาชีพอิสระ

แม้ในความเป็นจริง คนที่ทำงานในตำแหน่งสูงๆ บริษัทที่มั่นคง หากสภาพเศรษฐกิจไม่ดีก็มีความเสี่ยงที่จะโดนจ้างออก เพราะอยู่มานานเงินเดือนสูงย่อมโดนเพ่งเล็งเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน แต่ธนาคารตรวจสอบแต่ประวัติที่เป็น “อดีต” ไม่ได้ตรวจสอบเรื่อง “อนาคต” (จริงๆถ้าตรวจสอบได้ทุกธนาคารคงอยากทำเหมือนกันแหล่ะครับ)

ใช้เงินอย่างมีวินัย
คนที่ใช้เงินเก่ง ใช้เงินเกินตัว จนทำให้ต้องไปหยิบยืมจากคนรอบข้างบ่อยๆ พอจะขอยืมเงินคนให้ยืมคนอื่นๆ เขาก็ไม่อยากให้ยืม เพราเขาจะมองว่า “มีความเสี่ยง” ที่จะไม่มีเงินใช้หนี้คืนเพราะมีภาระต้องใช้เงินกับเรื่องต่างๆเยอะ เช่นเดียวกันกับธนาคาร หากเรามีหนี้ซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต เยอะๆจนเกินตัว ธนาคารก็จะไม่อยากให้ยืม เราจึงต้องรักษาวินัยในการใช้เงิน ไม่ให้ใช้จ่ายจนเกินตัวด้วยเช่นกัน

ประวัติการยืมเงินดี
อย่างไรก็ตามคนที่ใช้เงินเก่ง แล้วมีประวัติคืนเงินที่ดี ก็ถือว่ามีวินัยทางการเงินที่ดีจึงถือเป็นข้อดี ดังนั้นเมื่อต้องการขอยืมเงินเพิ่มเติม ก็มีโอกาสได้เงินยืมสูง เช่นเดียวกัน หากผู้ยืมเงินเป็นหนี้บัตรเครดิด และผ่อนชำระคืนดี เมื่อจะไปขอสินเชื่อธนาคารก็เช็คประวัติจากเครดิตบูโรได้
ธนาคารก็จะมั่นใจและมีโอกาสปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้

เหตุผลในการยืม
ถ้ามีคนที่มีประวัติดี มีวินัยการเงิน เป็นคนที่เรารู้จัก น่าเชื่อถือ แต่เดือดร้อนแล้วขอยืมเงินเพื่อไปจ่ายค่าเทอมลูก หรือ ไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วย

ผมเชื่อว่าถ้าคนให้ยืมไม่เดือดร้อน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะให้ยืมเงินดังกล่าว

แต่ถ้าคนๆนั้นมาขอยืมเงิน 3 ก้อนพร้อมกันเนื่องจากต้องไปจ่ายเงินค่าเทอมให้ลูก 3 คน ผมเชื่อว่าคนให้ยืมก็ต้องคิดหนักเหมือนกันว่า ทำไมยืมเงินทีเดียวพร้อมๆกัน 3 ก้อนเลย
เหตุผลในการยืม จึงเป็นประเด็นที่ธนาคารนำมาพิจารณเช่นกันโดยเฉพาะการยืมเงินธนาคารไปซื้อบ้าน ถ้าสังเกตดีๆ การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ธนาคารส่วนใหญ่จะใช้คำว่า “วงเงินกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย” ดังนั้นหากเราขอสินเชื่อดังกล่าวพร้อมๆกันเพื่อซื้อบ้าน 4-5 หลัง ธนาคารก็อาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องการบ้าน เพื่ออยู่อาศัยพร้อมๆกันถึง 4-5 หลังเลย ซึ่งธนาคารก็อาจจะอนุมัติสินเชื่อให้แต่เราต้องสามารถชี้แจ้งเหตุผลดังกล่าวให้ได้ชัดเจนกับธนาคารด้วยว่าแต่ละหลังมีเหตุผลในการพักอาศัยต่างกันอย่างไร

สำหรับบทความหน้าเรามาดูกันอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการยืมเงินคือ “สถานะทางสังคม” ของผู้ยืมเงิน ว่าจะเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับการพิจารณอนุมัติวงเงินสินเชื่อ (วิธีกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน ได้วงเงินเต็ม 100% (ตอนที่ 2))

เรียบเรียงบทความ “วิธีกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน ได้วงเงินเต็ม 100% (ตอนที่ 1)”

โดย ทีมงานคลังบ้าน (www.klungbaan.com)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  

LINE ID: @klungbaan